งานอุปสมบทภิกษุณีนานาชาติที่เวสาลี
2555
ฉัตรสุมาลย์
ทำไมที่เวสาลี
อ้าวก็ภิกษุณีสงฆ์นั้นเริ่มต้นที่เวสาลีไง ครั้งนี้เป็นครั้งแรก
ที่ภิกษุณีสงฆ์สายเถรวาทจัดงานบรรพชาอุปสมบทภิกษุณีนานาชาติที่เวสาลี
ต้องขอบคุณภิกษุณี ดร.วิทิตาธรรมา
(หลิวฟับ) ที่เป็นแม่งานจัดงานอุปสมบทภิกษุณีสายเถรวาทครั้งแรกขึ้นที่ เวสาลี
เราคุยกันนอกรอบ ถ้าจัดที่เวียดนาม
ประเทศของท่านเอง แม้ว่าจะเป็นประเทศที่มีภิกษุณีสงฆ์มากที่สุดในโลก คือ 22000 รูป (ในขณะที่มีภิกษุสงฆ์เพียง 12000 รูป)
แต่เพราะรัฐบาลเวียดนามเป็นรัฐบาลคอมมิวนิสต์ การจัดการไม่สะดวก
ในที่สุด เราเห็นพ้องกันว่า
ภิกษุณีสงฆ์สายเถรวาทจะไปจัดงานอุปสมบทที่อินเดีย ประเทศที่มีอิสรภาพทางความคิดสูง
เมื่อพูดถึงงานบรรพชาอุปสมบท
เราก็วางแผนกันว่า ใครจะเป็นอุปัชฌาย์ ทั้งทางฝ่ายภิกษุ และฝ่ายภิกษุณี
ทางฝ่ายภิกษุณีนั้น
เราต้องนิมนต์ภิกษุณีจากศรีลังกา ซึ่งไม่มีปัญหาอุปัชฌายา หรือปวัตตินีของท่านธัมมนันทายินดีมาให้พร้อมกรรมวาจาและอนุสาวนาจารย์ฝ่ายภิกษุณี
ตกลงทางฝ่ายภิกษุณีเราได้จากศรีลังกา 3 รูป อินเดีย 2 รูป ท่านหลิวฟับจากเวียดนาม
และท่านธัมมนันทาและท่านพูนศิริวราจากไทย รวมเป็น 8 รูป
ตามเงื่อนไขพระวินัยอย่างต่ำต้อง 5 รูป ค่ะ
ที่จริงมีภิกษุณีที่ไปร่วมงานอีกแต่อายุพรรษาน้อยกว่า
5 พรรษา อุปัชฌาย์เลยไม่นิมนต์
ทางฝ่ายพระภิกษุนั้น
ดั้งเดิมเราตั้งใจนิมนต์อุปัชฌาย์จากศรีลังกา มาพร้อมกับพระกรรมวาจาจารย์
และ อนุสาวนาจารย์ ปรากฏว่า หลวงพ่ออัคคมหาบัณฑิตญานินทะ หลวงพ่อใหญ่ของพม่า
ที่เป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดพม่าในพุทธคยา
ท่านรับมาเป็นอุปัชฌาย์พร้อมทั้งคณะกรรมวาจาจารย์และอนุสาวนาจารย์
เท่ากับเป็นการเปิดประตูให้ภิกษุณีเต็มที่
ทางฝ่ายภิกษุสงฆ์นั้น
เราได้รับความเมตตาจากพระสังฆราชของภิกษุสงฆ์ในอินเดีย
ซึ่งเป็นอาจารย์สอนพุทธศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเดลลีด้วย คือท่าน ดร.สัตยปาล
ท่านเป็นเสียงสำคัญในการสนับสนุนการประดิษฐานภิกษุณีสงฆ์ทั้งในอินเดีย และนานาชาติ
ตกลงในการอุปสมบทภิกษุณีสงฆ์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้
ทางฝ่ายภิกษุสงฆ์จากพม่า อินเดีย
บังกลาเทศ และประเทศไทย พระภิกษุจากประเทศไทยนั้น อายุพรรษา 36 พรรษา นั่งในลำดับหัวแถวถัดจากสังฆราชของอินเดีย
เป็นภาพที่น่าประทับใจยิ่ง
การอุปสมบทภิกษุณีสงฆ์ ในช่วงครึ่งวันเช้าการะทำโดยฝ่ายภิกษุณีสงฆ์
นับตั้งแต่นาคิณี นุ่งขาวรับศีล 5 จากอัชฌายา แล้วมารับการบรรพชาเป็นสามเณรีในคณะภิกษุณีสงฆ์
จากนั้น จึงเข้าสู่พิธีการอุปสมบท
ผู้ที่ได้รับการอุปสมบทครั้งนี้ 9 รูป ล้วนเป็นสามเณรีมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี
ถือสัญชาติไทย 2 รูป อินเดีย 3 รูป
และเวียดนาม 4 รูป
ท่านธัมมนันทาจัดผ้าจีวรไป 20 ผืน สังฆาฏิจากประเทศไทยไป 10 ผืน
ทางเจ้าภาพก็มีผู้ถวายสังฆาฏิเช่นกัน ปรากฏว่า เมื่อทำการตรวจสอบสังฆาฏิที่ถวายมานั้นชั้นเดียว
ทางอัชฌายายืนยันให้เป็น 2 ชั้น
จึงได้ใช้สังฆาฏิที่ท่านธัมมนันทาจัดไปถูกต้องตามที่อุปัชฌายาเน้นเรียกว่าญาติโยมจากเมืองไทยได้โมทนากุศลเต็มที่
ในการอุปสมบทนั้น
จะให้การอุปสมบทครั้งละ 3 รูป ตามแบบเถรวาทของศรีลังกา ผู้ขอบวชต้องตอบคำถามอันตรายิกธรรม คือ สิ่งที่จะเป็นอุปสรรคในการบวช
พระภิกษุมี 13 ข้อ ของภิกษุณีมี 24 ข้อ
การตอบคำถามนี้ จะกระทำ 2 ครั้ง คือตอบกรรมวาจาจารย์
ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่งตอบต่อหน้าอัชฌายา และคณะภิกษุณีสงฆ์
หลังจากนั้น กรรมวาจาจารย์จึงถามคณะสงฆ์
3 ครั้ง เมื่อไม่ผู้ขัดข้องจึงสวดประกาศให้การยอมรับเข้าเป็นภิกษุณี
เราต้องทำ 3 ครั้ง ครั้งละ 3 รูป กว่าจะเสร็จพอดีเวลาฉันเพล
หลังจากฉันเพลแล้วนัดเวลา
บ่ายโมงตรงที่จะทำการอุปสมบทโดยสงฆ์ 2 ฝ่ายที่เรียกว่า
อุภโตสงฆ์
เมื่อหลวงพ่อใหญ่จากวัดพม่านำคณะภิกษุสงฆ์ทั้งหมด
15
รูปเข้านั่งประจำที่ที่ทางฝั่งขวาของพระพุทธรูปซึ่งถือเป็นองค์ประธานแล้ว
ฝ่ายภิกษุณี 8
รูปทางฝั่งซ้ายของพระพุทธรูปภิกษุณีสงฆ์ที่สำเร็จการบวชโดยสงฆ์ฝ่ายเดียวในตอนเช้า
เข้ามารับการอุปสมบทจากพระภิกษุสงฆ์
เริ่มแรกโดยการที่ภิกษุณีที่ทำหน้าที่เป็นกรรมวาจาจารย์เป็นผู้สวดประกาศให้ทางภิกษุสงฆ์รับทราบว่า
ภิกษุณีที่ขอบวชนั้นได้ผ่านการบวชโดยภิกษุณีสงฆ์แล้ว บัดนี้ ขอการบวชโดยภิกษุสงฆ์
จากนั้นภิกษุผู้ทำหน้าที่เป็นกรรมวาจาจารย์และอนุสาวนาจารย์
คือ ท่าน ดร.สัตยปาลพระสังฆราชของอินเดีย อีกรูปหนึ่งเป็นพระพม่า
ทำการสวดประกาศแก่ภิกษุณีครั้งละ 3 รูปเช่นกัน
เมื่อพิธีการอุปสมบทเสร็จสิ้นลง
ทางฝ่ายภิกษุสงฆ์ มีการให้โอวาทแก่ภิกษุณีที่บวชใหม่ โดยพระอุปัชฌาย์มอบหมายให้พระสังฆราช
ดร.สัตยปาลเป็นตัวแทนภิกษุสงฆ์ กล่าวให้โอวาท
ท่านกล่าว่าท่านดีใจที่เห็นความงอกงามของภิกษุณีสงฆ์การบวชครั้งนี้
ไม่มีใครสามารถที่จะท้าทายการบวชครั้งนี้ได้
เพราะเป็นงานประวัติศาสตร์ภิกษุณีให้รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ การบวชครั้งนี้เป็นการจารึกหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์
ในการที่ภิกษุณีก้าวออกมาเช่นนี้
มีนัยยะสำคัญว่าพร้อมที่จะมีความรับผิดชอบที่จะรักษาพระธรรมและรักษาพระสงฆ์
ไม่ควรทำอะไรให้เสียชื่อเสียง รักษากาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ์
กิริยามารยาทที่แสดงออกในสังคมให้ทำด้วยความเหมาะสม
ทำตัวประดุจทหารที่รักษาชายแดนของประเทศที่ต้องมีความตื่นตัวอยู่เสมอ จะต้องรักษาพระศาสนาดุจเดียวกับทหารที่รักษาเอกราชของประเทศชาติ
เมื่อท่านกล่าวจบก็มาถึงฝั่งของภิกษุณี
ท่านสัทธาสุมนา
ผู้เป็นอุปัชฌายาจอให้ท่านธัมมนันทาจากประเทศไทยเป็นตัวแทนของภิกษุณีสงฆ์กล่าวให้โอวาทแก่ภิกษุณีบวชใหม่
ท่านธัมมนันทากราบแสดงความเคารพต่อมหาสังฆะ
ทั้งภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์ ท่านกล่าวความปลื้มปีติและประทับใจในการที่มีการอุปสมบทภิกษุณีครั้งนี้ กล่าวขอบคุณในความเมตตาของฝ่ายภิกษุสงฆ์
และกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างภิกษุสงฆ์ผู้เป็นพี่ และภิกษุณีสงฆ์ผู้เป็นน้อง
เพราะเข้ามาสู่คณะสงฆ์ทีหลัง
ท่านเตือนภิกษุณีบวชใหม่ให้ระลึกถึงความรับผิดชอบ
มิใช่เข้ามาแล้วจะมาเรียกร้องการยอมรับเพราะการยอมรับจะตามมาหลังจากภิกษุณีสงฆ์เองเป็นพระสุปฏิปันโน
การเข้ามาบวช แท้จริงแล้ว
คือการตั้งใจมั่นในการเข้ามาคลายทุกข์ในส่วนของตนและสังคม
การทำงานร่วมกันระหว่างสงฆ์ทั้งสองฝ่ายนั่นเอง
ที่จะรักษาความมั่นคงของพระศาสนาไว้ได้ในที่สุด
หลังจากนั้น คณะสงฆ์ทั้งสองฝ่ายร่วมกันสวดกรณียเมตตสูตรให้พระภิกษุณีบวชใหม่
จากนั้น เราได้นิมนต์พระภิกษุสงฆ์
และภิกษุณีสงฆ์ร่วมกันถ่ายรูปหมู่ร่วมกับภิกษุรีที่บวชใหม่ครั้งนี้
แล้วจึงส่งพระผู้ใหญ่กลับ แต่ท่าน
ดร.สัตยปาลยังกรุณาอยู่ต่ออีก 3 วัน เพื่อช่วยอรรมภิกษุณีและสามเณรีที่เข้ารับการอบรมตลอดพรรษา
เพื่อให้แน่ใจว่า เมื่อบวชไปแล้ว
มีองค์ความรู้และการอบรมที่จะเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนเป็นพระเณรที่ดีมีคุณภาพต่อไป
สามเณรีที่บวชครั้งนี้ มี 13 รูปก็เข้ารับการศึกษาอบรมไปพร้อม ๆ กัน อย่างเดียวที่ภิกษุณีแยกไปทำ คือ
เรื่องของการสวดปาฏิโมกข์
เนื่องจากผู้เข้ารับการอบรมต่างภาษากัน
จึงต้องมีการแบ่งกลุ่มเป็นสามกลุ่มตามการใช้ภาษากล่าวคือ ภาษาเวียดนาม ภาษาไทย
และภาษาฮินดี
พระภิกษุและภิกษุณีที่มาร่วมในการบวชต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกลับประเทศ
กลับวัดของตนเพราะต้องเข้าพรรษาวันที่ 3 สิงหาคม
ปีนี้จะเป็นปีที่เวสาลีมีพลังพิเศษจากการที่มีภิกษุณีสงฆ์สายเถรวาทเข้าพรรษาที่นั่น
ฉัตรสุมาลย์. (ปีที่ 32 : กันยายน 21-27). “งานอุปสมบทภิกษุณีนานาชาติที่เวสาลี
2555.”
มติชนสุดสัปดาห์. ฉ. 1675 : 65.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น