วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

พลูในอินเดีย


 
พลูในอินเดีย


            ใบพลูพันธุ์ที่ดีที่สุดคือ มะกะฮี จากมคธในรัฐพิหาร อินเดีย ในภาษษทมิฬเรียกว่า เวตริลัย น้ำมันจากใบพลูมีสารอัลลีเบนซีน

            อากาศอบอุ่นและชื้นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการปลูกพลูซึ่งโตง่ายเป็นเถาเลื้อย เป็นพืชทนแล้ง แต่อาจจะไม่เหมาะกับการปลูกนอกเขตร้อนชื้น ดอกของพลูสีขาวและกลายเป็นเขียวเข้มเมื่อแก่ การตัดแบ่งรากเอาไปแยกปลูกทำได้ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนเพื่อขยายพันธุ์ ดินต้องสมบูรณ์และมีร่มเงาเพียงพอ ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่และรดน้ำอย่างเพียงพอซึ่งจะเจริญเติบโตดีในปลายฤดูหนาวต่อฤดูใบไม้ผลิ พลูใช้เคี้ยวเปล่า ๆ ก็ได้ หรือผสมกับปูนขาว หมาก รวมถึงส่วนผสมอื่น ๆ เช่น เม็ดยี่หร่า หรือแม้แต่ยาเส้น เป็นต้น การเตรียมพลูเป็นศิลปะและภูมิปัญญาที่เป็นความลับซึ่งส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่นมีชนชั้นทางสังคมที่รู้จักกันในชื่อภาษาฮินดีว่า ตะโมลี (ตัมบลูกัร-ภาษาสันสกฤต) ที่ได้รับแรแต่งตั้งให้ดูแลเรื่องนี้มีวิธีการจีบพลูในรูปแบบต่าง ๆ ประวัติศาสตร์เอเชียมิอาจสมบูรณ์ได้หากปราศจากพลู

            พลูเป็นส่วนสำคัญของวิถีฮินดู เงินที่มอบให้พราหมณ์จะวางบนใบพลู ในการแต่งงานของชาวเบงกาลี เจ้าสาวขึ้นไปบนเวทีด้วยใบพลูสองใบปิดหน้าเมื่อถึงช่วงเวลามงคลที่จะสบตากับเจ้าบ่าวเป็นครั้งแรกเธอจะเปิดใบพลูออก ตลอดเวลาของการประกอบพิธีเธอจะอมหมากไว้ที่สองกระพุ้งแก้ม ถาดที่ตกแต่งสวยงามด้วยพลูถือว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของพิธีแต่งงาน ทั่วทั้งอินเดียพลูจะนำมารับแขกด้วยไมตรีจิตและถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในช่วงหนึ่งพลูเคยทำหน้าที่เป็นลิปสติกริมฝีปากแดงอวบอิ่มของหญิงสาวเป็นหัวข้อของเพลงพื้นบ้านมากมายรวมถึงวรรณกรรมคลาสสิก

            พลูเป็นยาปฏิชีวนะที่ช่วยให้ลมหายใจสดชื่น เป็นยาอายุรเวทกระตุ้นความต้องการทางเพศ พลูนำมาใช้รักษาอาการเจ็บป่วยอย่างกว้างขวาง พลูรักษาโรคปวดศีรษะ ปวดข้อ ข้ออักเสบ รวมถึงปวดฟัน ในบาที่ใช้เป็นยาปฏิชีวนะ และยาช่วยย่อยอาหาร รักษาอาหารท้องผูก เลือดคั่ง ช่วยในการขับน้ำนม ขับพยาธิ การแพทย์อูนานิ (การแพทย์แผนโบราณ อินเดียที่มีการแลกเปลี่ยนความรู้กับกรีกโบราณ ผู้แปล) ระบุว่ารสหวานของใบพลูช่วยลดกรดในกระเพาะ ช่วยห้ามเลือดประคบด้วยใบพลูร้อน (โดยเฉพาะเด็ก) รักษาอาการปวดท้อง ดื่มน้ำต้มใบพลูกับพริกไทยดำสามารถรักษาอาการท้องอืดได้ ใช้ใบพลูตำพอกข้างโหนกแก้มหรือหยอดสองสามหยดในจมูก ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ ในกรณีท้องผูกอย่างแรงใช้ก้านใบพลูสวนทวารทำให้เด็กขับถ่ายทันที พลูสามารถรักษาแผลสดด้วยการปิดไว้สักหนึ่งหรือสองวัน พลูผสมกับน้ำมันและวางบนหน้าอกของมารดาที่ให้นมบุตรช่วยขับน้ำนม การกินพลูช่วยป้องกันหวัดและไอ เมื่อมีไข้สูง ขยี้ใบพลูกับน้ำมันและวางบนหน้าอก เม็ดผักชีและมิ้นต์ที่ใส่ในพลูช่วยสร้างความสดชื่นในช่องปาก หรือนำไปชงเป็นชาเพื่อสุขภาพ เป็นการขจัดกลิ่นกายที่ขับออกมาทางเหงื่อและประจำเดือน เหงือกและฟันจะแข็งแรงด้วยการเคี้ยวหมาก ใบพลูช่วยลดอาการโรคประสาท อ่อนเพลีย และปวดเมื่อย ในหลายกรณีการดื่มน้ำใบพลูที่ผสมกับนมรสหวานเล็กน้อยช่วยทำให้ระบบปัสสาวะสะดวกขึ้น ใบพลูผสมกับน้ำผึ้งดื่มเป็นยาบำรุง ช่วยระบบทางเดินหายใจที่มีผลต่อปอดทั้งในคนหนุ่มและคนแก่ เจ็บคอ การอักเสบรักษาได้ด้วยวิธีแบบชาวบ้านคือพลูดำ หนองก็สามารถรักษาด้วยพลู

            นักวิทยาศาสตร์ในโกลกัตตา (สถาบันชีววิทยาเคมีแห่งอินเดีย) ระบุว่าในพลูมีสรรพคุณในการรักษาเม็ดเลือดขาว (ลิวคิเมีย) โมเลกุลของพลูสามารถทำลายเซลล์มะเร็งโดยไม่มีผลร้ายข้างเคียง การค้นพบนี้นำไปสู่การทดลองในประเทศต่าง ๆ ทั้งตะวันตก และญี่ปุ่น วารสารสมาคมโลหิตวิทยาแห่งอเมริกายอมรับผลการวิจัยและตีพิมพ์ในวารสารดังกล่าวมีความกลัวการเกิดมะเร็งในช่องปากกับการกินพลู แต่ผลการวิจัยไม่ได้ระบุว่าเป็นเช่นนั้น พลูยังใช้ในการปรุงอาหารบ่อย ๆ ด้วย

            หากสืบสาวย้อนไปมีการใช้พลูมากกว่าสองพันปีแล้ว ในอินเดียการใช้พลูเริ่มเมื่อ 1300 ปีก่อนคริสตกาล พระเวทระบุว่าพลูเป็นสิ่งแรกที่ศิษย์มอบให้ครู หลักฐานสำคัญที่ใช้อ้างถึงคือ ศรีมัทภควัคคีตา ที่กษัตริย์การนาถวายตัมบุลให้พระกฤษณะในตำราอายุรเวทโบราณ จารกะ (ฤษีผู้เขียนอายุรเวท) สุศรุตสัมหิตา และฤษีกัศยปซึ่งเขียนโภชันกัลปะได้กล่าวถึงการเคี้ยวหมากหลังอาหารเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่าง ค.ศ. 75- ค.ศ. 300 ตลอดศตวรรษที่ 13 มาร์โคโปโลบันทึกถึงการที่กษัตริย์และขุนนางอินเดียเคี้ยวหมาก ตลอดช่วงสมัยนั้น ระบบการเก็บภาษีมีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายเรื่องพลูให้กษัตริย์ด้วย นักเดินทางชาวฝรั่งเศสนิโคลาว มานุชซีกล่าวถึงกษัตริย์โมกุลคือ ซาห์จะฮันได้จัดสรรภาษีเมืองสุรัตให้ราชธิดาเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับพลู กษัตริย์อาหมซึ่งปกครองอัสสัมจนถึงศตวรรษที่ 19 จัดตั้งกลุ่มของคนรับใช้พิเศษสำหรับจัดเตรียมพลูให้กษัตริย์และอาคันตุกะ


อมฤตา – แปล
 

Publisher and Contact

          Centre for Bharat Studies, Research Institute for

          Languages and Cultures of Asia , Mahidol University,

          Phutthamonthon 4 Road, Nakhonpathom 73170,

          Thailand

          Tel : 02-800-2308-14 Ext 3505

          www.bharat.lc.mahidol.ac.th

          E-mail : bharatmahidol@gmail.com

ไม่มีความคิดเห็น: