วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559

รถยนต์อาการน่าเป็นห่วง? 7 เทคนิคสังเกตอาการเบื้องต้น ก่อนจะมีปัญหาตามมา



สัญญาณอันตรายบ่งบอกว่ารถยนต์ของคุณกำลังมีปัญหาตามมามักมีหลายอาการ แต่อาการที่เห็นกันบ่อยๆ และจำเป็นต้องรีบแก้ไขโดยด่วน เพื่อไม่ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ในอนาคตอันใกล้มีไม่กี่เรื่อง ยานยนต์ “มติชน” หยิบยกมาให้คอยสังเกตก่อนจะสายเกินแก้ ดังนี้

1.ก่อนออกรถควรสังเกตร่องรอยน้ำมัน เพราะหากจอดรถแล้วพบรอยน้ำมันหยดเป็นทางหรือเป็นจุด อย่าวางใจเด็ดขาด เพราะตามปกติแล้วน้ำมันจะไม่สามารถหยดได้เอง นอกจากเกิดความเสียหายต่อระบบนั้นๆ หมายถึงต้องมีอะไรผิดปกติแล้ว ดังนั้นถ้าพบข้อนี้รีบตรวจสอบด่วน

2.สตาร์ตเครื่องนานกว่าปกติ ทันทีที่เราขึ้นรถแล้วบิดกุญแจ เสียงสตาร์ตสามารถบ่งบอกสารทุกข์สุกดิบของรถได้ดี เพราะโดยปกติการสตาร์ตเครื่องยนต์จะใช้การถีบตัวไม่เกิน 3 ครั้ง ใช้เวลาไม่เกิน 30 วินาที และส่วนใหญ่จะครั้งเดียวติด หรือถ้านานกว่านั้นแสดงว่ารถเริ่มมีปัญหา อาจเกิดจากแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพ เตรียมเงินถอยแบตเตอรี่ลูกใหม่ได้เลย

3.ควันขาวออกท่อ หรือยิ่งถ้ามีกลิ่นฉุนด้วยแล้ว แสดงว่าต้องมีสิ่งผิดปกติกับระบบเครื่องยนต์ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ขึ้นกับความหนักเบาของอาการ จึงควรรีบไปหาช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจอาการให้ชัดเจน

4.เสียงผิดปกติ แม้จะเป็นเรื่องยากในการสังเกตสำหรับใครบางคน แต่ในระหว่างขับรถคุณสามารถสังเกตได้ เมื่อรถจอดหรือเดินเบาเครื่องยนต์ก่อนขับออกถนน โดยทั่วไปแล้วการทำงานของเครื่องยนต์จะไม่มีเสียงผิดแปลก โดยเฉพาะเสียงเหล็กกระทบกัน หรือเสียงน็อก หากไม่เคยได้ยินมาก่อน แล้วเพิ่งได้ยิน อย่าปล่อยไว้ ควรรีบไปหาผู้เชี่ยวชาญทันที

5.เมื่อขับรถแล้วรู้สึกว่านุ่มนวลผิดปกติ มีความเป็นไปได้ 2 กรณี คือ 1.ลมยางอ่อน บางครั้งอาจจะหมายถึงยางรั่ว 2.ระบบช่วงล่างบางชิ้นเสื่อมสภาพ ส่วนใหญ่คือสปริงหรือโช้ก

6.เกิดเสียงดังจี๊ดๆ ตอนเบรก อาจจะด้านหน้าหรือด้านหลัง หมายถึงผ้าเบรกกำลังหมดอายุการใช้งาน ถ้าได้ยินแล้วอย่ารอช้า รีบหาเวลาไปเปลี่ยนผ้าเบรก ก่อนจะทำความเสียหายต่อชุดจานเบรก

7.รถเร่งแล้วอืดกว่าเดิม ถ้าเมื่อไหร่เร่งแล้วรู้สึกว่าไม่พุ่งเหมือนเดิม แต่ไม่มีความผิดปกติอย่างอื่น เช่น รอยน้ำมัน นั่นหมายถึงอาจจะต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแล้ว แต่หากถ่ายมาแล้วและยังวิ่งอืดอยู่ อาจเกิดจาก 2 กรณี คือ 1.กรองน้ำมันเชื้อเพลิง และ 2.กรองอากาศ อาการรถมีอัตราเร่งถดถอยลักษณะนี้ จะมีผลโดยตรงต่ออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
counter

ที่มา :
http://www.matichon.co.th/news/264688

ไม่มีความคิดเห็น: